[Fic. Attack on Titan] Calm Down, Baby [RivaillexEren; PG-13
รีไวล์xเอเลน เมื่อเอเลนฝันร้ายจนไม่นอนหนึ่งสัปดาห์เต็ม
ผู้เข้าชมรวม
3,343
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title : Calm Down, Baby
Author : sinnerdarker
Paring : RivaillexEren
Rating : PG-13... G เลยดีกว่าไหม!!!
ใช่..คุณทำได้ รีไวล์….. ฉันไม่เคยคลอดฟิคติดกันมาก่อนเลยนะ!! /ร้องไห้
ขนาดฮิบาริซังเอย ซินแบดเอย จาฟาลเอย ยังไม่ทำให้ฉันเพ้อจนออกฟิคเลยนะ!! /ปิดหน้า
(ไม่นับ คันดะกับอเลน อันนั้นขึ้นหิ้งไปนานแล้ว)
ปล. แอบซ้ำกะฟิค “โกหก” ของหม่ามี๊ ตอนอ่านตกใจมาก หม่ามี๊กะป้าซิงโครกันเร้ออออออ
ปลล. ฟิคนี้ท่านรีไวล์อ่อนโยนมากถึงมากที่สุด(รึเปล่านะ.. ก็ถึงขนาดลูบหัวกับให้นอนแขนก็คงใช่ล่ะมั้ง)
ขอโทษค่ะ ฟิคนี้นิสัยรีไวล์ซังหลุดและหวานมาก ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่าาาาาาา
(ปล. กลัวไม่ฟินเท่าเรื่องแรกจัง /ร้องไห้)
++++++++++++++++++++++++
เขาได้กลิ่นเหล็ก…
กลิ่นนั้นติดค้างอยู่ที่ปลายจมูกของเขา ฉุนรุนแรงราวกับใครเอาเหล็กขึ้นสนิมมากเกย แต่อีกทีเขากลับรู้สึกว่ากลิ่นนี้อยู่ใกล้กว่านั้น.. มันติดอยู่ในลำคอของเขา
เอเลนรู้สึกว่าลำคอของตนเหนียวเหนอะอย่างประหลาด ทั้งระคายจนอยากสำรอก แต่ที่หนักกว่านั้น.. กลับเป็นร่างกายที่หนักอึ้งจนไม่สามารถบังคับ
รอบข้างเงียบสงัด…เงียบอย่างน่าประหลาด เงียบจนเบาคิดว่าตนควรจะลืมตา
สิ่งที่เห็นอย่างแรกคือสีแดง..
สีแดงนั้นไม่ได้ไหลนองเป็นทะเล ทว่าไหลนองเป็นแอ่งอยู่หลายบริเวณ
วินาทีต่อมาเขาก็รู้ว่าสีแดงนั้นคือเลือด
และในอีกวินาทีต่อมา เขาก็รู้ว่านั่นคือเลือดของมนุษย์… เลือดที่ไหลออกมาจากร่างมนุษย์ที่นอนระเกะระกะอยู่รอบข้างเขา
ความโกรธพุ่งทะยานขึ้นมาในใจของเขา แผดเผาลุกไหม้อยู่ภายใน ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธขึ้งที่ไม่อาจทำให้ดับมอดลงได้อย่างง่ายดาย
ใคร!!
ใครเป็นคนทำเรื่องพวกนี้!!
เอเลนกำหมัดแน่น ก่อนเปล่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ภายใน ทว่าเมื่อเสียงของเขาถูกเปล่งออกไป.. เอเลนกลับต้องเป็นฝ่ายชะงักเสียเอง
เพราะเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของเขา….แต่เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย
มันเป็นเสียงคำราม…
เอเลนยกสองมือขึ้นมอง ก่อนเบิกตากว้างเมื่อมันดูแปลกตาไปกว่าที่เคย
..นี่ไม่ใช่มือของเขา
เหนือสิ่งอื่นใด..มันเปลือยเปล่าและแปดเปื้อนด้วยเลือด…เลือดเหนอหนะสีแดงสด
กลิ่นของเหล็กยังติดอยู่ที่ลำคอ…
ไม่ใช่..มันไม่ใช่กลิ่นของเหล็ก
มันคือกลิ่นของเลือด
เอเลนแตะนิ้วลงบนริมฝีปากของเขา ปาดของเหลวเหนอะหนะที่เปื้อนอยู่ออกมา และพบว่ามันคือเลือด..เลือดและเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าของมนุษย์
ห้วงความคิดของเด็กหนุ่มเริ่มสับสน ความจริงบางอย่างพลันร่วงหล่นในใจเขา ทว่ายากจะยอมรับ..ยากจะพูดออกมา
“ในที่สุดก็อาละวาดแล้วสินะ”
เสียงทุ้มต่ำไร้อารมณ์ดังมาจากที่ไหนซักแห่ง และเมื่อทอดมองออกไป สิ่งที่เขาเห็น..คือร่างของผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเขา
ร่างนั้นยืนนิ่งอย่างสงบท่ามกลางสายลมเหนอะหนะที่พัดผ่านอย่างเย้ยหยัน โบกสะบัดพัดพาให้ผ้าคลุมสีเขียวพริ้วไหวตามสายลม ดวงตาเรียวคมหรี่หยันกดดันมองตรงมาที่เขา ราวกับกำลังมองศัตว์โสโครกที่ต้องกำจัดเสียให้ดับดิ้น
ริมฝีปากของชายหนุ่มหยัดตรง ไร้อารมณ์ พร้อมด้ามดาบโลหะที่กระชับไว้ในมือ
เอเลนนึกอยากจะส่งเสียงเรียกอีกฝ่าย ทว่าเสียงที่หลุดออกมากลับเป็นเพียงเสียงคำราม
..เสียงที่ไร้ซึ่งความหมาย และไม่อาจมีใครเข้าใจได้
“..ในเมื่ออาละวาดแบบนี้”ชายหนุ่มเอ่ยพึมพำ เอียงคอราวกับไม่ใส่ใจนัก “ฉันคงต้องจัดการนายแล้วสินะ ..”
พูดจบคำ ไอน้ำก็พวยพุ่งจากวัตถุทรงกลมที่ด้านหลังเอว พร้อมปลายฉมวกที่พลันพุ่งออกมาปักลงบนสิ่งก่อสร้าง และร่างของชายหนุ่มผู้ปราดเปรียวที่โบยบินราวกับติดปีกแห่งสายลม
ร่างนั้นมุ่งตรงมาที่เขา อ้อมมาที่ด้านหลังทันก่อนที่เอเลนจะขยับหนี พร้อมสะบัดดาบคู่ยาวตรงลงที่ช่วงด้านหลังของลำคอ…
ความเจ็บที่แล่นปราดไปทั่วร่างทำร้ายเขาจนแทบหมดสติ
.
.
.
.
.
เฮือก!!
เด็กหนุ่มเบิกดวงตาขึ้น มองทอดไปยังเพดานสีอิฐเก่าทรุดโทรม
เสียงลมหายใจกระชั้นพร้อมหัวใจที่เต้นรัว.. และร่างกายที่สั่นระริกเกร็ง
อากาศยะเยือกอย่างประหลาด บางทีคงเพราะเขานอนอยู่ในชั้นใต้ดินซึ่งิตดจะชื้นเสียหน่เอย แต่ถึงแม้อากาศจะเย็น เหงื่อมากมายก็ยังผุดขึ้นจนร่างกายของเขาเหนอะหนะ
ดวงตาของเด็กหนุ่มกลอกมองไปทั่วบริเวณห้องกึ่งโค้งซึ่งก่อด้วยอิฐ ความเงียบสงบในยามค่ำคืนซึ่งกอปรด้วยเสียงสายลมและแมลงทำให้หัวใจของเขาเริ่มสงบลง ลมหายใจรัวเร็วจึงเริ่มผ่อนลง และทอดถอนยาวในที่สุด
เอเลนยันกายขึ้นนั่ง พร้อมกับยกมือขึ้นมามอง ก่อนจะกอดร่างตัวเองที่ยังคงสั่นสะท้านไม่หยุด
…ความฝัน..
นัยน์ตามีเขียวสว่างหรี่ลง โล่งอกอย่างหาที่ประมาณไม่ได้ เด็กหนุ่มค่อยเอนหลังพิงกับหมอนของตน ก่อนยกมือขึ้นสัมผัสที่หลังคอของตน
..สัมผัสในความฝันเหมือนจริงเสียจนหลงเหลือความรู้สึกเจ็บเอาไว้
เมื่อสำนึกรู้สึกตัวพลันตกต้องร่างอีกครั้ง ภาพความฝันก็ประดังประเดร่วงหล่นสู่ความคิด สุดท้ายอาการคลื่นเหียนก็เล่นงานเอเลน จนสุดท้ายเด็กหนุ่มต้องวิ่งไปสำรอกออกในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องของตน
“อ่อก…แค่ก!” เด็กหนุ่มอาเจียนจนรู้สึกถึงรสเปรี้ยวของน้ำย่อยในกะเพาะ ทว่าอาการคลื่นไส้กลีบยังคงอยู่ วนเวียนไปมาพร้อมภาพในความฝันที่แจ่มชัดจนน่าใจหาย
ใช่แล้ว…แม้จะรู้แล้วว่าเป็นความฝัน ทว่าร่างกายของเขากลับยั่งสั่นสะท้านไม่หยุด พร้อมภาพที่หมุนวนแจ่มชัดราวกับเกิดขึ้นจริง
ไม่เป็นไร..
เด็กหนุ่มได้แต่ปลอบตัวเอง
นั่นเป็นแค่ความกังวลเท่านั้น..เขาควบคุมร่างไททันได้…ต้องควบคุมได้..ดังนั้นไม่เป็นไร
เขายังคงอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้คนที่เขารักได้
เมื่ออาเจียนจนแทบจะหมดแรง เด็กหนุ่มร่างเพรียวก็ทรุดลงกับพื้น พิงหลังลงกับกำแพงชื้นสกปรก และหายใจแผ่วอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับกอดร่างของตัวเองไว้
นับแต่วันที่รู้ตัวว่าตนเป็นไททัน เขาก็ฝันเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชัดเจนยิ่งขึ้นตามกาลเวลา
เอเลนรู้ดีว่านี่เป็นแค่ความกังวลของเขา…ความกังวลที่กัดกินสะสมอยู่ภายใน ทว่าเขากลับห้ามมันไม่ได้..ห้ามความฝันที่เกิดขึ้นทุกค่ำคืนไม่ได้
เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะเล่าความกังวลนี้ให้ใครฟัง เขาไม่กล้าเล่าให้เหล่ารุ่นพี่ในหน่วยฟัง และยิ่งไม่กล้าเล่าให้หัวหน้ารีไวล์หรือฮันซี่ซังฟัง
..เขาอยากเล่าเรื่องนี้ให้มิคาสะหรือไม่ก็อาร์มินฟัง ทว่าบัดนี้…เขาไม่สามารถแม้แต่จะพบหน้าเพื่อนรักได้
คิดถึงตรงนี้ เอเลนก็กัดริมฝีปากตัวเองเบา สะบัดความอ่อนแอของตนทิ้งเสีย ก่อนลุกขึ้นแล้วตบใบหน้าของตนเสียงดัง
เขาจะอ่อนแอไม่ได้…
จะอ่อนแอไม่ได้!
+++++++++++++++++
“เอเลน สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”ฮันซี่เอ่ยถามในขณะที่กำลังตรวจร่างกายของเด็กหนุ่ม พร้อมกวาดสายตามองเอเลนตั้งแต่หัวจรดเท้า เด็กหนุ่มดูซีดเซียวไปมากจากช่วงแรกๆ ที่เจอกัน ขอบตาดำคล้ำ พร้อมกับผอมไปอักโขทีเดียว “ดูผอมไปเยอะเลยนะ เป็นผลกระทบจากการทดลองรึเปล่าเนี่ย? แต่ฉันก็ว่าไม่ได้ทำอะไรที่มีผลข้างเคียงนะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่เครียดนิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่ใช่เพราะฮันซี่ซังหรอกครับ”เอเลนบอกปัดความคิดอีกฝ่ายพร้อมยิ้มแหยและหัวเราะแห้งๆ แม้ว่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริงดีแก่ใจก็ตาม
เขาจะบอกได้ยังไงว่าไม่ได้นอนมาเป็นสัปดาห์แล้ว…
จะบอกว่าเอเลนขี้ขลาดก็ได้ แต่เขาไม่กล้าหลับ…ไม่กล้าแม้แต่จะสัพหงก เพราะกลัวความฝันที่ไม่น่ารื่นรมย์จะคืบคลานรุกเข้ามาหาเขาอีกในยามหลับใหล สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงฝืนตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต.. ด้วยการไม่หลับไม่นอนมาตลอดสัปดาห์นึงเต็มๆ
น่าตกใจเหมือนกันที่เขายังยืนอยู่ได้ ปกติไม่ได้นอนเป็นสัปดาห์คงลุกขึ้นยืนแทบไม่ไหวแล้ว แต่เอเลนก็ยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เกือบเหมือนปกติ.. แม้ว่าภายนอกจะดูโทรมอย่างน่าอนาถก็ตามที
“อืม.. จะไปพักซักหน่อยไหม? ตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่จำเป็นต้องทำ สภาพแบบนี้ต่อให้ออกไปสำรวจหรือทำภารกิจก็คงไม่ไหวหรอก”หญิงสาวหางม้าผู้สวมแว่นตาเป็นนิตย์กอดอกและเอียงคอมองเอเลนกึ่งห่วงกึ่งกังวล แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธเป็นอาการส่ายหน้าหวือของเจ้าตัว
“อย่าเลยครับ ผมยังไหว อีกอย่างถ้าหลบไปพักคนเดียว..มีหวังหัวหน้ารีไวล์ลงโทษเอาแหงๆ..”
“ฉันทำไมนะ”
เสียงทุ้มต่ำแสนกดดันดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาเด็กหนุ่มร่างเพรียวสูงสะดุ้งอย่างไม่รู้ตัว
“หะ..หัวหน้ารีไวล์!” เอเลนอุทานเรียกชื่ออีกฝ่ายแล้วรีบหันกลับไปมอง จึงเห็นร่างของชายหนุ่มผมดำตัดสั้นยืนกอดอกมองเขาอยู่ด้วยสายตาคมกริบเช่นทุกครั้ง “ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรทั้งนั้น!”
เอเลนตอบพร้อมทุบลงบนอกซ้ายของตนเพื่อทำความเคารพอย่างคุ้นชิน ในขณะที่รีไวล์มองเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าตามฮันซี่ไปอีกคน และเบ้หน้าพร้อมเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “ ทำไมโทรมแบบนี้”
“เอ๋?”
“โสโครก สกปรกอีกต่างหาก เห็นแล้วชวนคันไม้คันมือเสียจริง”เจ้าตัวว่าพลางแผ่รังสีประหลาด พร้อมยกมือหยาบกร้านจากการต่อสู้ขึ้นขยับไปมาราวกับต้องการจะทำอะไรซักอย่างกับเขา และไม่ว่าไอ้อะไรซักอย่างนั้นจะเป็นอะไร เอเลนก็ก้าวถอยหลังไปหลายก้าวเพราะรังสีชวนสะพรึงกลัวนั่น
“พอดีเลย รีไวล์ เอาตัวเอเลนไปพักหน่อยเถอะ ดูท่าทางจะไม่ไหวแล้วมั้งนั่น”ฮันซี่ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองเอเลนที่ถอยกรูดไปพร้อมหันมาหารีไวล์ ชายหนุ่มร่างเตี้ยสบถเบาในลำคอเล็กน้อย ทว่ายังไม่พูดอะไร
“..ก่อนเอาตัวไปพัก ฉันควรจะเอาตัวไปโยนบ่อก่อนล่ะมั้ง”ว่าจบก็ทำท่าจะจะเดินมาจับเอเลนโยนลงบ่อจริงๆ เล่นเอาเด็กหนุ่มผวาเฮือกไปครู่ใหญ่ ก่อนต้องทำใจแข็งเอ่ยออกไปว่า “อย่าเลยครับ หัวหน้ารีไวล์ เดี๋ยวผมจะจัดการตัวเองเอง”
“ถ้าเล่นปล่อยปละละเลยถึงขนาดนี้ ก็แสดงได้แล้วว่านายดูแลตัวเองไม่เป…”รีไวล์ชะงักก่อนจะจบประโยค พร้อมเขม็งจ้องมองเอเลนอีกครั้ง และเดืมเข้ามามองเด็กหนุ่มให้ใกล้ยิ่งกว่าเก่า
“นี่นาย….”
“ครับ?”
รีไวล์ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะสะบัดหน้าไปทางอื่นแล้วพึมพำ “..ช่างเถอะ”
“รีไวล์ อ้าวเฮ้! ตกลงจะให้เอเลนพักรึเปล่า ถ้านายไม่พูดจะถือว่าให้พักนะ! อะไรของหมอนั่นเนี่ย…..”ฮันซี่เกาหัวแกรกๆ มองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เดินดุ่มๆ จากไป “เอาเถอะ ยังไงนายก็ไปพักก่อนด..เอเลน?”
ฮันซี่เรียกชื่อของเด็กหนุ่มเมื่อเจ้าตัวเริ่มยืนโอนเอน ดูราวกับคนเมา ในขณะที่เอเลนเริ่มรู้สึกว่าภาพรอบข้างหมุนวน พร้อมสติที่เริ่มรางเลือนเต็มที
ถึงขีดจำกัดแล้วงั้นหรือ..
เขาพยายามกัดริมฝีปากไม่ให้สติตนขาดหาย ทว่าร่างกายกลับเชื่อฟังสมองมากกว่าความต้องการของเขา สุดท้ายเด็กหนุ่มจึงล้มทรุดลงไปราวกับตุ๊กตาที่เชือกขึงขาดลง
“เฮ้..เอเลน!!”
เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน..เหมือนจะเป็นเสียงของคุณฮันซี่..
แต่ภาพสุดท้ายที่เห็น…
ดูเหมือนจะเป็นใบหน้าของหัวหน้ารีไวล์
พร้อมกันนั้น สติของเขาก็ดับวูบเหือดหายตามไป
+++++++++++++++++++
คราวนี้เขาฝันอีกครั้ง
ความฝันเหมือนเดิมกับทุกครั้ง..เขาอยู่ในร่างของไททัน อาละวาดฆ่าทั้งเพื่อนและมนุษย์มากมาย และสุดท้าย…หัวหน้ารีไวล์ก็จะโผล่มาเพื่อฆ่าเขา
แต่คราวนี้มีอะไรบางอย่างแปลกไป
สติของเขายังอยู่ในร่างไททัน ทว่าร่างกายกลับไม่เชื่อฟังคำสั่ง มือของเขาตวัดวาดกวาดใส่หัวหน้ารีไวล์ ทว่าอีกฝ่ายกระโดดหลบได้พร้อมเคลื่อนไหวฉวัดเฉียนกลางอากาศ
ชายหนุ่มร่างปราดเปรียวพยายามเคลื่อนไหวไปที่ช่วงด้านหลังของเขา ทว่ามือของเอเลนกลับยกปิดไว้และหันหลบทุกครั้งที่เอื้ออำนวย..สุดท้ายความฝันเดิมจึงยืดยาวกว่าเดิมและเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา
หัวหน้าเริ่มบาดเจ็บ..ทั้งที่เอเลนเชื่อว่าตนไม่มีวันทำร้ายหัวหน้ารีไวล์ได้
เลือดไหลโทรมกายเล็ก เสียงหอบหายใจดังชัดเจนในความฝัน..และทั้งที่ควรจะมีคนร่วมฆ่าเขากับหัวหน้ารีไวล์ ในความฝันนั้น.. คนที่กำลังต่อสู้กับเอเลนกลับมีเพียงรีไวล์คนเดียว
การต่อสู้ยืดเยื้อไม่สิ้นสุด ดูเลือนรางไม่แจ่มชัดเท่าความฝันดั้งเดิม ทว่าที่สุด หมัดของเขากลับต่อยกวาดออกไป ถูกร่างของหัวหน้ารีไวล์จนกระอักเลือด… และร่วงลงกับพื้นดิน
ตอนนั้นเองที่ทำให้เขาเกือบจะคลั่งจนเป็นบ้าไป
“หัวหน้า………………….!!!”
.
.
.
.
.
.
ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมา มือของใครบางคนก็อุดปากเขาอยู่
“อย่าแหกปากได้ไหม”
เสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านบน ส่งผลให้เอเลนขนลุกเกรียว ก่อนสายตาจะหันเสไปมองเจ้าของมือที่ปิดปากเขาอยู่
…หัวหน้า
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายได้สติแล้ว และคงไม่แหกปากโวยวายอีก รีไวล์ก็ละมือออก ก่อนจะแจ้งบอกความเป็นไป “นายหมดสติไป ตอนนี้ค่ำแล้ว คนอื่นกำลังพักผ่อน”
“หมดสติ...”เอเลนพึมพำพร้อมนึกถึงเรื่องเมื่อช่วงบ่าย ดวงตาของเด็กหนุ่มกวาดมองไปรอบห้องมืดอับชื้นซึ่งเป็นห้องของเขา และบัดนี้มีเพียงแสงเทียนส่องสว่างให้เห็นสิ่งของรอบกาย..บ่งบอกว่ายามค่ำคืนได้เยี่ยมเยือนแล้ว
เด็กหนุ่มกำผ้าห่มที่คลุมร่างตนอยู่แน่น ก่อนจะเงยมองรีไวล์และเอ่ยขึ้น “ขอโทษที่ทำให้ยุ่งยากนะครับ”
รีไวล์ไม่ได้รับคำขอทาของอีกฝ่าย ทว่าเปลี่ยนท่านั่งไขว่ห้างแล้วพิงหลังกับพนักพิง และเอ่ยถามออกไปแทน “นาย..ไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว”
“เอ๋?”
“ฉันถามว่าไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว” รีไวล์ย้ำคำถาม “ตอบ”
“หัวหน้าถามอะไร…”
“ตอบ”
“….หนึ่งสัปดาห์ครับ” เอเลนตอบคำ ไม่คิดอยากจะโกหกอีกฝ่ายหากไม่จำเป็น “ผมต้องขออภัยอีกครั้งที่…”
“ทำไมถึงไม่นอน” รีไวล์ถามขัดประโยคขอโทษของเอเลน “นอกจากจะเป็นตัวประหลาดแล้วยังทำตัวประหลาดด้วยงั้นหรือ กลัวคนอื่นเห็นนายเป็นคนปกติรึไงถึงทำตัวแบบนั้น”
พอได้ยินคำว่า ‘ตัวประหลาด’ เอเลนก็แข็งทื่อ ร่างกายสั่นเทาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษครับ..”เอเลนกัดริมฝีปากพรี้อมกำผ้าห่มแน่น “ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนั้น….”
เขาไม่ได้อยากเป็นตัวประหลาด..
“แล้วจะอดนอนไปเพื่ออะไร? ทรมานตัวเองเรอะ? เอาเวลาทรมานฝึกให้ฝีมือพัฒนาดีกว่าไหม”
“ผมไม่ได้ทรมานตัวเอง….”
ไม่ได้อยากให้ตัวเองเจ็บปวด..
“…ถ้าอย่างนั้นก็ตอบเสียทีว่า…” ทีแรก รีไวล์ไม่ได้สนใจอะไรและคิดจะคาดคั้นถามต่อ ทว่าร่างของเอเลนกลับยิ่งสั่นสะท้านและเกร็งขึนเรื่อยๆ.. สิ่งนั้นทำให้รีไวล์ชะงัก ก่อนเบิกตามองเด็กหนุ่มด้วยความสงสัย “เอเลน?”
“ผมไม่ได้อยากเป็นตัวประหลาด!”เอเลนตะโกนกร้าวกรีดร้อง ดวงตาสีเขียวสว่างวาวเรื่อขึ้นราวกับสัตว์ป่า “ไม่ได้อยากแปลงเป็นไททันได้!! ไม่ได้อยากอดนอนเพื่อทรมานตัวเองให้เจ็บปวด…!! ….แต่ผมนอนไม่ได้ ถ้าผมนอนผมก็จะเห็นภาพที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต!! เห็นว่าตัวเองอาละวาด! เห็นว่าตัวเองฆ่าคนที่รักไปมากมาย ฆ่าเพื่อนฝูง ฆ่าเพื่อนมนุษย์ ฆ่าแม้แต่…หัวหน้า!!
..ผมไม่ต้องการหลับเพื่อที่จะเห็นภาพพวกนั้นอีก!!!”
เอเลนหลุดความกังวลมากมายของตนในรวดเดียวจนหอบหายใจ มือของเขาเกร็งแน่นกำผ้าห่มจนนิ้วขึ้นข้อขาว ใบหน้าดูเครียดเขม็งจริงจังและซีดขาวจนราวกับจะสลบไปอีกครั้ง
สติของเขาหลุดหายไปกับความโกรธขึ้งชั่วขณะ กระทั่งผ่านไปซักพักถึงรู้ว่าตนพูดอะไรออกไป และเพราะห้วงอารมณ์ของเขายังแตกกระจายเป็นชิ้นส่วยมากมายและไม่อาจประกอบให้กลับเป็นอย่างเดิม เอเลนจึงหลบตาจากสายตาเย็นเยียบของรีไวล์ และกอดเข่าซุกใบหน้าตนลงไประหว่างนั้นทั้งๆ ที่ร่างยังสั่นเทา
สุดท้ายเขาก็หลุดพูดออกไปจนได้.. ทั้งที่พยายามจะเก็บมันไว้มาตลอด
เอเลนกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ ร่างกายสั่นเทาเพราะเขื่อนความกังวลที่แตกทะลักออกมา ความหนาวยะเยือกกระทบร่างเขาให้รู้สึกว้าเหว่..เดียวดาย
ซักพักหนึ่ง ความอบอุ่นบางอย่างก็แผ่สู่ร่างของเขา พร้อมเสียงทุ้มราบเรียบ…ที่ดังแผ่วขึ้นเหนือศีรษะของตน
“ไม่เป็นไร..”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอกราบเรียบ แผ่วเบา ทว่าชัดเจนจนราวกับจะซึมซับลึกลงสู่หัวใจ พร้อมมือหยาบกร้านแสบอบอุ่นที่ลูบแผ่วเบาบนศีรษะอันปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาล “ไม่เป็นไร นายแค่ฝันไป ยังไม่ได้ไปฆ่ากินใคร.. หรือต่อให้เป็นความจริง ฉันก็จะฆ่านายก่อนจะเกิดเรื่องแบบนั้น”
หัวใจของเอเลนเริ่มเต้นช้าลง ความอบอุ่นแผ่ซ่านเอ่อล้น ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบออกไปทั้งๆ ที่ยังซุกหน้าระหว่างเข่าของตน “..หัวหน้ารีไวล์ แล้วถ้าผมฆ่า….”
“นายมีความมั่นใจพอที่จะฆ่าฉันงั้นเหรอ” เสียงแค่นหัวเราะดังจากเหนือหัว ถึงไม่ต้องเงยหน้ามองเขาก็รู้ว่าหัวหน้ากำลังยิ้มหยัน “ละเมอเพ้อพกเสียจริง”
“แต่…”
“ความฝันก็คือความฝัน อะไรที่ยังไม่เกิดก็คือยังไม่เกิด นายกังวลไปล่วงหน้าก็ทำให้นายเสื่อมถอยลงเสียเปล่า เพราะฉะนั้นเลิกฟุ้งซ่านซะ..”คำสุดท้ายนั้นมาพร้อมมือที่เปลี่ยนจากลูบอย่างอ่อนโยนเป็นตบหนักๆ จนเอเลนรู้สึกเจ็บ แต่น่าแปลก.. ที่ร่างกายของเขาหายสั่น และหัวใจก็สงบลงแล้ว
อันที่จริง..เด็กหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายเบาโหวงขึ้นในพริบตาทีเดียว
“..ขอโทษนะครับ หัวหน้า”เอเลนพึมพำ พร้อมเงยหน้าขึ้นจากเข่าของตน และมองรีไวล์ราวกับสุนัขตัวน้อย “แล้วก็…ขอบคุณมากครับ”
รีไวล์เสมองเด็กหนุ่มเล็กน้อย และพยักหน้ารับ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขานั่งอยู่อย่างนั้นซักครู่ใหญ่ กระทั่งเอเลนเริ่มตาปรือ และล้มลงนอนอย่างไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองเด็กหนุ่ม ก่อนจะลงมือขยี้หัวเด็กหนุ่มอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยวพร้อมกับถอนหายใจ
..ดูเหมือนเจ้าเด็กบ้านี่จะเก็บความกังวลไว้อักโขเลยสินะ…
รีไวล์คิดพร้อมกอดอก อันที่จริงไม่ใช่หน้าที่เขาที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไว้ไม่ได้.. สุดท้ายเขาถึงหลุดพูดสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดออกไป
..เขาควรจะกลับไปนอนซักทีล่ะมัง
ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็ลุกขึ้น เตรียมจะเดินกลับห้องตัวเอง ทว่ากลับต้องชะงัก และหันมามองเด็กหนุ่มอีกครั้ง ดวงตาของเขาไล่ลงมาที่ช่วงสะโพกของตัวเอง และถึงเพิ่งเห็นว่าเด็กหนุ่มดึงเสื้อของตนเอาไว้อยู่
รีไวล์ขมวดคิ้ว ความหงุดหงิดพุ่งปรี๊ดจนยากจะเคาะหัวเจ้าเด็กเปรต แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ….
เพราะสีหน้าตอนหลับของเจ้าเด็กนี่ดูผ่อนคลายเสียจนไม่อยากจะปลุกขึ้นมาจริงๆ
.
.
.
.
คืนนั้นเขาฝันอีกครั้ง….
แต่ความฝันนั้นดูผิดแผก..แปลกไปกว่าเดิม
เขาฝันไปว่าเขาแปลงเป็นไททัน และกำลังจะอาละวาด แต่คนที่เก่งที่สุดในหน่วยทหารก็ปรากฏตัวขึ้น ฟันดาบทั้งสองเล่มลงที่หลังร่างไททันของเขา และจัดการดึงตัวเขาออกมาทันทีก่อนที่จะเผลอไปทำร้ายใคร…
.
.
.
และกอดตัวเขาที่ถูกดึงออกมาไว้ราวกับเด็กน้อย
.
.
.
ตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หัวใจของเขาก็โปร่งโล่ง..กระจ่างอย่างประหลาด
มันเป็นยามเช้าตามปกติที่มีแสงสาดส่องลงมาเล็กน้อยตามช่องด้านบนในห้องใต้ดิน เป็นคืนแรกที่เขานอนเต็มตื่น และลืมตาขึ้นมาด้วยความโล่งสบาย
จะเพราะด้วยเหตุนั้นหรือเปล่า.. เอเลนก็ไม่แน่ใจนัก เด็กหนุ่มจึงคิดอยากจะซุกผ้าห่มนอนต่ออีกซักหน่อย ทว่าเมื่อความอบอุ่นของผ้าห่มดูกึ่งนุ่มกึ่งแข็งอย่างน่าประหลาด เอเลนก็ต้องเบิกตาขึ้นเพื่อมองสิ่งที่ตนอาศัยซุกนอน
สิ่งที่เห็นอย่างแรกคือใบหน้าเบื่อโลกของรีไวล์ที่กำลังหลับอยู่ข้างเขา
หัวใจของแอลนเต้นรัวทันทีพร้อมร่างกายที่เกร็งกระตุกด้วยความหัวใจ สองมือยกมือปิดปากกลั้นเสียงตะโกนร้องด้วยความตกใจเพราะกลัวอีกฝ่ายจะตื่นมากระทืบเขา แต่ที่หนักกว่านั้น..
ทำไมเขาถึงนอนหนุนแขนหัวหน้ารีไวล์อยู่!!
เอเลนรีบลุกขึ้นมาในทันที พร้อมมองรีไวล์ที่นอนอยู่ข้างๆตนในท่าตะแคง สีหน้าดูเปลี่ยนไปมาระหว่างผ่อนคลายกับหงุดหงิด จนชวนให้เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเข้มรู้สึกขวัญผวาอย่างห้ามไม่อยู่
“หะ.หัวหน้ารีไวล์..ครับ?” เอเลนสะกิดชายหนุ่ม และตกใจจนแทบตกเตียงเมื่ออีกฝ่ายลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“………..” รีไวล์ตื่นขึ้นมาด้วยหัวกระเซอะกระเซิง สีหน้าดูหงุดหงิดเล็กน้อยเหมือนคนความดันเลือดต่ำ ก่อนหันขวับมามองเอเลนที่ตื่นอยู่ก่อนแล้วและขมวดคิ้ว
รีไวล์มองหน้าเอเลนนิ่ง ก่อนกระตุกยิ้มขึ้นบาง พร้อมยกมือขึ้นขยี้หัวเอเลนแรงๆ อีกครั้ง และเดินลงจากเตียงไปเปิดประตูออกจากห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เอเลนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ ก่อนใบหน้าจะเริ่มเห่อร้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมหัวใจที่เต้นรัวเร็วจนเหมือนจะหลุดออกมา
…หัวหน้ารีไวล์ยิ้ม!! แถมยังลูบหัวเขา!!
ยิ่งคิด ใบหน้าของเอเลนก็ยิ่งร้อยขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกบางอย่างจุกแน่นในอกจนเหมือนจะระเบิดออกมา เอเลนยกมือขึ้นกุมที่หัวใจตน ก่อนกลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนคนบ้าจนตกเตียงไป
โครม!
“เอเลน! เตรียมตัวได้แล้ว!!”
เสียงหนึ่งในรุ่นพี่ของเขาวิ่งมาบอกที่นอกประตู เด็กหนุ่มที่กำลังแตะสะโพกซึ่งกระแทกพื้นจึงตอบออกไป “ครับ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!!”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน พยายามสูดลมหายใจลึกให้อาการนี้หายไปเสียที แต่ปัญหาคือไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่อาจสลัดสัมผัสที่ติดอยู่บนหัวตนและภาพที่ค้างในความทรงจำออกไปได้เลย
…พอปัญหาเก่าเลิกไป ปัญหาใหม่ก็มาเลยสินะ
เอเลนคิดพลางถอนหายใจเฮือก ก่อนจะนั่งลงบนเตียงและยิ้มมขึ้นบางๆ
แต่เอาเถอะ...
ช่างมันไปก่อนแล้วกันนะ..
END
ตรูแต่งอะไรลงไป /น้ำลายฟูมปาก ขอโทษค่ะ ขอโทษษษ ทำไมรีไวล์ซอฟท์จังวะ ม่ายยยยย หนูขอโทษษษษษษษ
ผลงานอื่นๆ ของ sinnerdarker ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ sinnerdarker
ความคิดเห็น